|
เรื่องที่ 6.6 สินค้าขาดมือ
สินค้าขาดมือ
"สินค้าขาดมือ" เป็นปัญหาที่เกิดจากฝ่ายจัดซื้อของกิจการไม่สามารถที่จะจัดหาสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งให้ทันกับความ
ต้องการใช้ ซึ่งสินค้าขาดมือเกิดจาก
- ความไม่แน่นอนในอัตราการใช้สินค้า - ช่วงเวลาที่รอสินค้า ผลที่เกิดขึ้น :
เมื่อมีสินค้าขาดมือ ต้นทุนจะสูงมากขึ้น โดยต้นทุนแบ่งออกได้เป็น
- ต้นทุนภายนอก เช่น สูญเสียยอดขาย และลูกค้าไม่พอใจบริษัท - ต้นทุนภายใน เช่น มีเครื่องจักรว่าง และเสียค่าจ้างโดยไม่จำเป็น การแก้ปัญหา :
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะ " การหาสินค้าสำรองเมื่อทราบต้นทุนสินค้าขาดมือ"
สินค้าสำรอง หมายถึง สินค้าคงเหลือส่วนเกินที่ถือไว้เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดสินค้าขาดมือ
การมีสินค้าสำรองจะมีผลกระทบถึงต้นทุนของกิจการสองตัว คือ
- ทำให้ต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือลดลง - แต่จะทำให้ต้นทุนในการรักษาสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น
สินค้าสำรองที่เหมาะสมที่สุดนั้นกำหนดจากจุดมุ่งหมายสองประการ คือ
1. ทำให้ต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือน้อยที่สุด 2. ในขณะเดียวกันก็จะต้องทำให้ต้นทุนในการรักษาสินค้าคงเหลือเพื่อความปลอดภัยน้อยที่สุดด้วย
ภาพ 6-2 แสดงระดับสินค้าคงเหลือ เมื่อการใช้สินค้าเป็นไปอย่างคงที่ แต่ช่วงเวลาที่รอสินค้าถึงมือ (Lead time)
นานกว่าปกติ (เมื่อไม่มีสินค้าสำรอง) ตัวอย่าง6.8 การตัดสินใจของบริษัท คลีน จำกัดว่าจะดำรงสินค้าสำรองไว้เท่าใด โดยใช้วิธีการของความน่าจะเป็นซึ่งเป็นวิธีที่
ให้ผลน่าพอใจที่สุดในปัจจุบัน วิธีนี้มีข้อสมมุติให้ระยะเวลาที่รอสินค้าถึงมือคงที่ คือ สินค้าที่สั่งได้รับตรงเวลาทุก
ครั้งจากข้อสมมุตินี้สินค้าคงเหลือขาดมือจะมีสาเหตุจากอัตราการใช้สินค้าเพิ่มขึ้นหลังจากถึงจุดสั่งซื้อแล้วเพียง
สาเหตุเดียวและสาเหตุของสินค้าขาดมือคือการเพิ่มขึ้นในความต้องการหลังจากการสั่งซื้อสินค้าแล้วเท่านั้น
จำนวนสั่งซื้อมอเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดในการสั่งซื้อแต่ละครั่งของบริษัท คลีน จำกัด จากการคำนวณ
โดยใช้สูตรขนาดคำสั่งซื้อที่ประหยัดจะต้องสั่งซื้อที่ประหยัดจะต้องสั่งซื้อครั้งละ 3,600 หน่วย อัตราการใช้
มอเตอร์ไฟฟ้า 50 อันต่อวัน ล่วงเวลาที่รอสินค้าตามปกติ 6 วัน บริษัทต้องการที่จะหาว่าบริษัทควรกำหนดสินค้า
สำรองไว้มากน้อยเท่าใด
ในขั้นแรกบริษัท คลีน จำกัดจะต้องวิเคราะห์ใบบันทึกสินค้าคงเหลือของมอเตอร์นี้ เพื่อดูถึงอัตราการใช้
มอเตอร์ไฟฟ้าหลังจากช่วงเวลาสั่งซื่อ แล้วแจกแจงอัตราการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในระดับต่างๆ ออกมาในรูปของ
ความน่าจะเป็น ดังตารางข้างล่างนี้
ตาราง ความน่าจะเป้นของอัตราการใช้สินค้าในระดับต่างๆ ในช่วงหลังจากสั่งซื้อแล้ว
ถ้าบริษัท คลีน จำกัดสั่งซื้อเมื่อระดับสินค้าคงเหลือตกลงถึง 300 หน่วย ในช่วงเวลารอสินค้า บริษัทจะปลอดภัยจากสินค้าขาด
มือ 81 % (0.68 + 0.06 +0.04 +0.03) โดยที่โอกาสที่สินค้าขาดมือจะเป็น 19 % (0.09+ 0.07 + 0.03) ฝ่ายบริหารจะ
ต้องตระหนักถึงโอกาสทีสินค้าขาดมือ 19 % นี้
เพื่อที่จะลดหรือหลีกเลี่ยงสินค้าขาดมือ บริษัทคลีนจำกัดต้องรักษาสินค้าคงเหลือไว้จำนวนหนึ่งนอกเหนือจากที่คงเหลืออยู่ ณ
ระดับของจุดสั่งซื้อ ฝ่ายบริหารต้องพิจารณาสินค้าสำรองหลายๆ ระดับแล้วเลือกเอาระดับที่ทำให้ผลรรวมของต้นทุน เมื่อสินค้า
ค้าขาดมือกับต้นทุนในการรักษาสินค้าคงเหลือของสินค้าสำรองต่ำที่สุด บริษัทคลีนจำกัดได้พิจารณาถึงระดับสินค้าสำรอง
หลายระดับ คือ
1. ณ ระดับที่มีสินค้าสำรอง 50 หน่วย จะเพียงพอต่อการใช้ 350 หน่วยในช่วงหลังการสั่งซื้อ สินค้าขาดมือจะเกิดขึ้น
เมื่อการใช้เป็น 400 หรือ 450 หน่วย หรือมีความน่าจะเป็นที่สินค้าจะขาดมือ = 0.07 + 0.03 + = 0.10 ในช่วงเวลาของการ
สั่งซื้อ
2. ณ ระดับที่มีสินค้าสำรอง 100 หน่วย ถ้าการใช้ในช่วงเวลาของการสั่งซื้อเป็น 350 หรือ 400 หน่วย สินค้าจะไม
่ขาดมือ สินค้าจะขาดมือเมื่อการใช้เป็น 450 หน่วย หรือมีความน่าจะเป็น 0.03 ในช่วงเวลานั้น
3. ณ ระดับที่มีสินค้าสำรอง 150 หน่วย ถ้าการใช้ในช่วงเวลาการสั่งซื้อ เป็น 350, 400, หรือ 450 หน่วย สินค้าจะ
ไม่ขาดมือเลย
สมมุติต่อไปว่า บริษัทคลีนจำกัดมีต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือ 50 บาท ต่อหน่วย โอกาสที่ะเกิดสินค้าขาดมือนั้นเกิดขึ้นเมื่อ
ระดับสินค้าคงเหลือลดลงเข้าใหล้จุดต่ำสุดหรือจุดสั่งซื้อ ดังนั้นบริษัทฯจะต้องพิจารณาช่วงเวลาที่จะทำการสั่งซื้ออยู่ตลอดปี
สมมุติว่าจากสูตรขาดการสั่งซื้อที่ประหยัด ฝ่ายบริหารของบริษัทพบว่าจำนวนครั้งสั่งซื้อที่ดีที่สุด คือ 5 ครั้งต่อไป ดังนั้นบริษัทฯ
บริษัทฯก็มีโอกาสที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะขาดมือ 5 ครั้ง ในระหว่างปีนนั้น ขนาดการสั่งซื้อที่ประหยัดจึงมีผลต่อจุดสั่งซื้อ
ต้นทุนเมื่อเกิดสินค้าขาดมือสำหรับการเก็บสินค้าสำรอง 4 ระดับคือ 0 หน่วย, 50 หน่วย, 100 หน่วย และ 150 หน่วย
แสดงไว้ในตารางข้างล่างนี้
ตาราง แสดงต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือ (Cost of being out stock)
*** ต้นทุนต่อปีที่คาดไว้ = จำนวนสินค้าขาดมือ x ความน่าจะเป็นที่สินค้าจะขาดมือ x ต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือต่อหน่วย
x จำนวนครั้งที่สั่งซื้อต่อปี
ถ้าต้นทุนในการรักษาสินค้าคงเหลือของบริษัทคลีนจำกัดเท่ากับ 10 บาทต่อหน่วย / ต่อปี บริษัทฯก็สามารถคำนวณหา
ต้นทุนรวมต่อปีได้ในแต่ละระดับของสินค้าสำรอง โดยการรวมต้นทุนเมื่อในค้าขาดมือกับต้นทุนในการรักษาสินค้าคงเหลือ
ดังแสดงในตารางต่อไปนี้
ตาราง ต้นทุนรวมของสินค้าสำรอง
|
|
* 1,375 บาท เป็นต้นทุนรวมต่อปีที่ต่ำที่สุด ดังนั้นสินค้าสำรองที่ดีที่สุดคือ 100 หน่วย
เมื่อบริษัทฯนำเอานโยบายสินค้าสำรองมาใช้จะทำให้จุดสั่งซื้อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น
ถ้าเก็บมอเตอร์ไฟฟ้าไว้เพื่อเป็นสินค้าสำรอง 100 หน่วย จุดสั่งซื้อจะเป็น
จุดสั่งซื้อ = (การใช้สินค้าต่อวัน x เวลารอสินค้าเป็นวัน) + สินค้าสำรอง
= (50 * 6) + 100 = 400 หน่วย กิจกรรม 6.7
บริษัท ซีนิค จำกัด กำหนดปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่ประหยัดที่สุด เท่ากับ 1,000 หน่วย ทุกๆ 30 วัน นอกจากนั้น
บริษัททราบได้อย่างแน่นอนว่า เวลาที่ใช้ในการสั่งซื้อเท่ากับ 4 วัน บริษัทประมาณว่าในแต่ละเดือนจะใช้สินค้าดังแสดงในตาราง
ข้างล่าง
ปริมาณการใช้ (หน่วย) 900 950 100 1050 1100 1150 1200 1250
ความน่าจะเป็น 0.06 0.14 0.30 0.16 0.13 0.10 0.07 0.04 สมมุติว่าต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือเท่ากับ 10 บาท ต่อหน่วยและต้นทุนในการรักษาสินค้าคงเหลือเท่ากับ 1 บาทต่อหน่วย
ให้คำนวณหาระดับสินค้าสำรองที่เหมาะสมที่สุด
แนวตอบ
คำนวณหาต้นทุนเมื่อสินค้าขาดมือ
สินค้าสำรอง |
จำนวนสินค้าขาดมือ |
ต้นทุน
( @ 10) บาท
|
ความน่าจะเป็น |
ต้นทุน
คาดหมาย(บาท)
|
|
250
200
150
100
50
0
|
0
50
100
50
150
100
50
200
150
100
50
250
200
150
100
50 |
0
500
1,000
500
1,500
1,000
500
2,000
1,500
1,000
500
2,500
2,000
1,500
1,000
50 |
0
0.04
0.04
0.07
0.04
0.07
0.10
0.04
0.07
0.10
0.13
0.04
0.07
0.10
0.13
0.16
|
0
20
40
35
60
70
50
80
105
100
65
100
140
150
130
80 |
0
20
75
180
350
600
|
คำนวณหาต้นทุนรวม ต้นทุนเมื่อสินค้า ต้นทุนในการเก็บสินค้า ต้นทุนรวม
สินค้าสำรอง ขาดมือ คงเหลือ ( @ 10 )
0 600 0 600 50 350 50 400 100 180 100 280 150 75 150 225 * 200 20 200 220 250 0 250 250 จากการคำนวณจะเห็นว่า บริษัทควรจะรักษาระดับสินค้าคงเหลือเพื่อความปลอดภัยไว้ 200 หน่วย
เพราะทำให้เกิดต้นทุนรวมต่ำที่สุด
|
|
|